เมนู

5. ปุตตสูตร


ว่าด้วยบุตร 3 จำพวก


[252] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตร
นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตร 3 จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
3 จำพวกเป็นไฉน คือ อติชาตบุตร 1 อนุชาตบุตร 1 อวชาตบุตร 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อติชาตบุตร เป็นอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็น
สรณะ ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ
การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้ทุศีล
มีธรรมอันลามก ส่วนบุตรของมารดาและบิดาเหล่านั้น เป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์
ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท มีศีล มีธรรมอันงาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อติชาตบุตรเป็น
อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อนุชาตบุตรเป็นอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็น
สรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การ
ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีศีล มีธรรม
อันงาม ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ

การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้มีศีล
มีธรรมอันงาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุชาตบุตรเป็นอย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อวชาตบุตรเป็นอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็น
สรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การ
ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้มีศีล มีธรรม
อันงาม ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม
พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิด
ในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวชาตบุตร
เป็นอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตร 3 จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมปรารถนา
อติชาตบุตร และอนุชาตบุตรไม่ปรารถนา
อวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล ส่วน
บุตรเหล่าใดเป็นอุบาสก บุตรเหล่านั้นแล
ชื่อว่าเป็นบุตรในโลก บุตรเหล่านั้นมี
ศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ผู้(โอบอ้อมอารี)
รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่
ย่อมรุ่งเรื่องในบริษัททั้งหลาย เปรียบ
เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบปุตตสูตรที่ 5

อรรถกถาปุตตสูตร


ในปุตตสูตรที่ 5 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
ลูกที่เกิดจากอก คือกำเนิดจากตน หรือแม้ลูกบุญธรรม ชื่อว่า บุตร.
บทว่า สนฺโต แปลว่า มีอยู่. บทว่า สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ ความว่า
หาได้ในโลกนี้. ชื่อว่าสันโต เพราะว่ามีอยู่ ชื่อว่า วิชฺชมานา เพราะว่าปรากฏ
แล้ว. บทว่า อติชาโต ความว่า เกิดมาเหนือมารดาบิดาด้วยคุณของตน.
อธิบายว่า มีคุณสูงกว่ามารดาบิดาเหล่านั้น. บทว่า อนุชาโต ความว่า เกิด
มาเป็นผู้ทัดเทียมแก่มารดาบิดาด้วยคุณทั้งหลาย อธิบายว่า มีคุณเสมอด้วย
มารดาบิดาเหล่านั้น. บทว่า อวชาโต ความว่า เกิดมาไม่เท่ามารดาบิดา
ด้วยคุณทั้งหลาย อธิบายว่า มีคุณต่ำกว่ามารดาบิดาเหล่านั้น.
ก็บุตรผู้ประกอบด้วยคุณธรรมเหล่าใด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรง
ประสงค์เอาแล้วว่า เป็นผู้ยิ่งกว่ามารดาบิดา เสมอมารดาบิดา และต่ำกว่า
มารดาบิดา เพื่อจะทรงแสดงจำแนกคุณธรรมเหล่านั้น จึงทรงตั้งเป็นกเถตุ-
กัมยตาปุจฉา (ถามเพื่อจะตอบเสียเอง) ว่า กถญฺจ ภิกฺขเว ปุตฺโต
อติชาโต โหติ
(ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อติชาตบุตรเป็นไฉน ? ดังนี้แล้ว
จึงทรงปรารภนิเทศไว้ โดยนัยมีอาทิว่า อิธ ภิกฺขเว ปุตฺตสฺส ดังนี้.